ในอดีตการหาคู่ครองมักเกิดขึ้นตามคำสั่งของพ่อแม่ผู้ปกครอง แต่ในปัจจุบันนั้นไม่ใช่อีกต่ออีกแล้ว เนื่องจากคนหนุ่มสาวสมัยนี้ล้วนต้องการความอิสระด้านความรัก ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ต้องการให้พ่อแม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเลือกคู่ แต่บางครั้งความหวังดีที่พ่อแม่มีต่อลูกในเรื่องการเลือกคู่ครองนั้น คนเป็นลูกก็ต้องฟังบ้าง เพราะคู่ครองที่ลูกเลือกไป อาจจะไม่ใช่คนที่พ่อและแม่ไว้วางใจ ให้ลูกที่เลี้ยงมาไปฝากชีวิตเอาไว้กับคน ๆ นั้น
ดังเช่นกับเรื่องราว ที่กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือดในโลกออนไลน์ของประเทศเวียดนาม หลังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของคุณแม่คนหนึ่งได้ไปเยี่ยมลูกสาวที่ย้ายไปอยู่กับคนรัก ซึ่งทันทีที่แม่ก้าวเข้าไปในบ้านลูกสาว แม่ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะ บ้านที่ลูกสาวอาศัยอยู่มาเป็นปี ๆ นั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงผนังสี่ด้านบนที่ดินเปล่า อีกทั้งผนังยังมีเชื้อรา ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ดี ๆ สักชิ้น ในห้องเต็มไปด้วยขยะทุกชนิด วัชพืช เครื่องมือการเกษตร หม้อและกระทะ ฯลฯ
ลูกสาวที่ครั้งหนึ่งเคยถูกดูแลมาเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ ตอนนี้กลับกำลังพับแขนเสื้อขึ้นและยืนอยู่หน้าห้องครัวเพื่อทำอาหาร ใบหน้าของเธอเป็นสีคล้ำ ผิวของเธอหยาบกร้าน และร่างกายของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก แม่ตำหนิลูกสาว เพราะลูกไม่เชื่อฟัง เนื่องจากในอดีตลูกสาวยอมทะเลาะกับพ่อและแม่ เพื่อให้ได้แต่งงานไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แต่สุดท้ายผู้ชายที่เธอรัก กลับมอบบ้านแบบนี้ให้กับเธอ
จากคำบอกเล่าของผู้เป็นแม่ ลูกสาวและลูกเขยของเธอพบและตกหลุมรักกัน ขณะทำงานพาร์ทไทม์ เมื่อสมาชิกในครอบครัวได้รู้เกี่ยวกับความคิดเรื่องแต่งงานของทั้งคู่ พวกเขาไม่เห็นด้วย แต่ในขณะนั้นลูกสาวไม่เชื่อฟังใคร และมุ่งมั่นที่จะตามไปอยู่กับคนที่เธอรัก พ่อแม่ก็แทบจะคุกเข่าขอร้องเธอ ไม่ให้เธอแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ แต่ลูกสาวก็พูดเสียงดังด้วยความโกรธว่า ในอนาคตถึงแม้เธอจะเดือดร้อนก็จะไม่กลับมาพึ่งพาครอบครัวอีก ตั้งแต่ทะเลาะกันครั้งนั้นลูกสาวก็จากไป
อย่างไรก็ดี ไม่นานลูกสาวก็พยายามโทรกลับมาหาครอบครัวหลายครั้ง แต่ตอนนั้นทุกคนโกรธมาก จึงไม่มีใครคิดจะรับสาย นั่นจึงทำให้เธอก็ค่อย ๆ ตัดการติดต่อกับครอบครัว แต่ด้วยความสัมพันธ์แม่ลูกที่เคยใกล้ชิดกัน สุดท้ายก็ตัดไม่ขาด เมื่อเวลาผ่านไปแม่ก็คิดถึงลูกสาวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะไปเยี่ยมลูกสาว
จากนั้น แม่ก็ได้ตัดสินใจมาเยี่ยมลูกสาว ทว่าทันทีที่เห็นลูกสาว เธอบอกว่า รู้สึกทั้งเศร้า จากเด็กผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งทั้งสิบนิ้วไม่เคยแตะต้องอะไรเลย ปัจจุบันต้องทำอาหารทุกวัน ดูแลงานบ้าน และไปทำงานที่ทุ่งนา ผิวหยาบกร้านและใบหน้าเต็มไปด้วยกระ เมื่อเห็นลูกสาวที่ดื้อรั้นจนมีชีวิตแบบนี้ ผู้เป็นแม่ก็ใจสลายจนแทบหายใจไม่ออก และยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ถ้าก่อนที่ลูกสาวจะจากมาเธอไม่ได้พูดถ้อยคำเหล่านั้น บางทีลูกสาวอาจจะกลับไปอยู่บ้านนานแล้วก็ได้
ทั้งนี้ ผู้เป็นแม่ยังบอกอีกด้วยว่า เธอกำลังคิดจะซื้อบ้านที่กว้างขวางและสะดวกสบายกว่านี้ให้ลูกสาว แต่ชาวเน็ตจำนวนมากได้แสดงความคิดเห็นคัดค้าน โดยบอกว่าเธอไม่จำเป็นต้องช่วยลูกสาวซื้อบ้าน วิธีที่ดีที่สุดคือเก็บเงินเหล่านั้นไว้เพื่อดูแลตัวเองเมื่อแก่ตัวลง เพราะลูกสาวแต่งงานมาหลายปีแล้ว ยังไม่มีลูก แต่ก็เลือกที่จะทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ ต่อไปในอนาคตคงไม่มีเงินพอเลี้ยงพ่อแม่แน่ ๆ
ซึ่งชาวเน็ตบางคนก็ได้คอมเมนต์ตรง ๆ ประมาณว่า ไม่ว่าเส้นทางที่เธอเลือกจะยากแค่ไหน ก็ปล่อยให้เธอเดินด้วยตัวเอง คนเป็นพ่อเป็นแม่ควรหยิบยื่นความช่วยเหลือเพียงแค่จำเป็นเท่านั้น หรือบางคนก็บอกว่า ถ้าเธอเป็นลูกสาวฉัน ฉันจะตัดการติดต่อทั้งหมด แทนที่จะต้องมาเห็นฉากสะเทือนใจแบบนี้ เป็นต้น
ข้อมูล webtretho