วันนี้ (19 เม.ย.2567) รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์มีอาการป่วยวูบและล้มที่บ้านพักในคืนวันที่ 10 เม.ย.ก่อนส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ล่าสุด ทางครอบครัวรัชโน ขอแจ้งให้ทราบว่า พ่อจั่น ได้จากไปแล้วอย่างสงบ ในวันที่ 19 เม.ย. 2567 เวลา 3:28 น. ก่อนที่พ่อจั่นจะจากไป พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ได้เทศน์นำทางก่อนลมหายใจสุดท้ายผ่านทางโทรศัพท์ ร่างกายเสมือนเป็นบ้าน บ้านของคุณกีรติตอนนี้กำลังจะผุพัง เราจึงไม่ควรไปห่วงหาอาลัยในบ้านที่กำลังจะพังทลายหลังนี้
เมื่อถึงเวลาที่บ้านพังลงมาแล้วก็ขอให้สละบ้านหลังนี้ เพื่อไปยังบ้านหลังใหม่ที่ดีกว่า บ้านที่สร้างจากคุณงามความดีตลอดชีวิตที่คุณกีรติได้สั่งสมมา คุณกีรติไม่ต้องเป็นห่วงคนในครอบครัว ทั้งคุณแม่ ภรรยา และลูกทั้งสองคน ทุกคนจะสามารถอยู่ได้อย่างดีด้วยคุณงามความดีที่คุณกีรติได้ทำไว้ แม้ว่าคุณกีรติจะไม่อยู่แล้ว ตอนนี้คุณกีรติกำลังจะต้องเดินทางไกล สัมภาระอะไรต่างๆ ที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเอาไป ความห่วงใยกังวลใจทั้งหลายก็ทิ้งเอาไว้ ขอให้เอาพระรัตนตรัยเป็นสิ่งนำทางในการเดินทางไกลครั้งนี้ สิ่งที่ติดตัวไปคือความดีและบุญกุศลที่สร้างสมมา พ่อจั่นได้อยู่ท่ามกลางครอบครัวอย่างใกล้ชิดจนลมหายใจสุดท้าย และพ่อจั่นได้เดินทางไปสู่สุคติแล้ว
หมายกำหนดงานจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอีกครั้งหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้นายกีรติสมัยที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้ขอย้ายออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ พบ เส้นเลือดในสมองมีปัญหา แต่ต่อมาได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง เมื่อปี2564ในตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ก่อนจะขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ แทนปลัดกระทรวงคนเก่าที่เกษียณอายุ 30 ก.ย.2565 นายกีรติเคยกล่าวว่า รู้สึกปวดหัว จึงไปตรวจร่างกายพบเส้นเลือดในสมองตีบข้างหนึ่งซึ่งหมอแนะนำให้ดูแลสุขภาพและตรวจร่างกายอย่างละเอียด จึงนำเรียนผู้บังคับบัญชาและขอย้ายจากตำแหน่งก่อน เมื่อช่วงกลางสัปดาห์นี้ บุตรสาวคนเล็กของนายกีรติได้โพสต์ข้อความว่า
สวัสดีค่ะ หนูจิณณ์ลูกพ่อจั่นนะคะ วันนี้อยากจะมาสื่อสารเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอาการปัจจุบันของคุณพ่อค่ะ วันที่ 10 เม.ย. เวลา 20:00 น. คุณแม่พบคุณพ่อหมดสติในห้องน้ำภายในบ้าน จึงได้เรียกรถฉุกเฉินนำส่งโรงพยาบาลรามา แพทย์ได้ทำการรักษาและทำ CT-scan พบว่าสมองด้านซ้ายมีความเสียหายรุนแรง โดยคุณพ่อเสียการรับรู้ การสื่อสาร การสั่งการต่างๆ รวมถึงความเจ็บปวด คุณหมอเลยได้เสนอแนวทางการรักษา 2 แนวทาง
1. ทำการผ่าตัด
2. ไม่ทำการผ่าตัด การผ่าตัดจะทำให้คุณพ่อมีชีวิตต่อ โดยจะไม่รู้สึกตัว ไม่รับรู้ความรู้สึก ไม่สามารถสื่อสารและไม่สามารถเข้าใจได้ รวมถึงจะติดเตียงและมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ดี หากไม่ทำการผ่าตัดความดันในสมองจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและเนื้อสมองจะถูกเบียด
อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวได้ตัดสินใจกันภายใต้ความต้องการของคุณพ่อที่เคยคุยกันในครอบครัวและคุณพ่อได้เคยเขียนในสมุดเบาใจ (พินัยกรรมชีวิต: living will) ว่าไม่ต้องการการยื้อชีวิต ต้องการให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ พวกเราได้ให้ความสำคัญกับความต้องการของคุณพ่อเป็นอันดับ 1 และได้ทำการปรึกษากับคุณหมอ 3 ท่านถึงผลของการรักษาทั้ง 2 รูปแบบ จึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่า เลือกแนวทางการรักษาแบบไม่ผ่าตัด ต่อมาช่วงหัวค่ำ วันที่ 11 เม.ย. คุณหมอได้ทำการ CT-scan ซ้ำอีกครั้งเพื่อดูความคืบหน้าของสมองคุณพ่อ พบว่าความรุนแรงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ปัจจุบันคุณพ่อใส่เครื่องช่วยหายใจ และความดัน ชีพจร ของคุณพ่ออยู่ในสถานะที่คงที่ ทั้งนี้วันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ลูกสาวนายกีรติ โพสข้อความอีกครั้งว่า ขออนุญาตรายงานอาการปัจจุบันของคุณพ่อค่ะ วันนี้คุณพ่อมี ชีพจรเร็ว ความดันต่ำ สาเหตุจากการติดเชื้อในกระแสเลือดค่ะ ซึ่งอาการอยู่ช่วงที่วิกฤต ทางครอบครัวอยากใช้เวลากับคุณพ่อให้ได้มากที่สุด จึงขออนุญาตงดเยี่ยมคุณพ่อในช่วงนี้ค่ะ ทางครอบครัวขอขอบคุณความห่วงใยและกำลังใจจากทุกท่าน และขออภัยในความไม่สะดวกค่ะขอบพระคุณค่ะ