จากที่ช่วงเช้าวันนี้มีรายงานว่า 1 ในผู้ต้องหาข่าวดังเรื่องการบุกรุก – ยึดบ้าน ในซอยรามอินทรา 58 จนนำไปสู่การฟ้องร้องคดีครอบครองปรปักษ์ จนเป็นเหตุให้ทางซันและอายฟ้องร้องคืนในข้อหาบุกรุก และด้วยความเครียดจากสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ น.ส.ภานุมาศ เพื่อนบ้านคู่กรณีของซันและอาย ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง
ก่อนหน้านี้ นุ หรือ น.ส.ภานุมาศ เพื่อนบ้านคู่กรณี พูดคุยในรายการโหนกระแส และเผยว่า ทาง น.ส.ภานุมาศ และต้องการที่จะซื้อบ้านที่เป็นข้อพิพาท และมีความพยายามที่จะติดต่อทุกวิถีทาง แต่เมื่อโทร. หาเบอร์ 02 ก็ไม่มีใครรับสาย รวมถึงไปหาบ้านของอากู๋ที่สุขุมวิท แต่กลับไม่ได้รับการติดต่ออากู๋
ส่วนบริษัทข้างๆ นั้น ไม่ใช่บ้านของ น.ส.ภานุมาศ แต่เป็นบริษัทรับเหมาที่ตนเป็นเพียงพนักงานที่นั่น และคนอื่นเป็นเจ้าของอาคาร ส่วนคนที่ต่อเติมบ้านอากู๋คือตนที่ทำเอง
เมื่อถามว่า ถ้าบ้านตรงข้ามไม่ใช่บ้านของ น.ส.ภานุมาศ แล้วทำไม น.ส.ภานุมาศ ถึงไปเจาะกำแพง และต่อเติมหลังคาให้เชื่อมกับด้านหลังบ้านอากู๋ ซึ่ง น.ส.ภานุมาศ บอกว่า ในเมื่อตรงนี้ เราไม่มีสิทธิ์จะครอบครองหรอก แต่เราต้องทานข้าวที่บริษัทตอนกลางวัน
เลยต่อเติมตรงนี้ไปเลยเพราะยังไๆ ตนก็จะซื้อบ้านหลังนี้อยู่แล้ว และก่อนเดิมนั้น บ้านหลังนี้เป็นลานซักล้างที่โล่งๆ มีแค่กำแพงระดับหน้าอก ตนก็แค่ต่อเติมโครงสร้างหลังคาเข้าไป
ส่วนตรงหน้าบ้านที่มีการต่อเติมหลังคา ตนก็อยากจะมีที่วางของ เพื่อจะได้ไม่โดนฝน ตนเลยต้องทำหลังคาขึ้นมา น.ส.ภานุมาศ คาดหวังว่าสักวันหนึ่งเจ้าของบ้านจะเข้ามาคุยกับเราด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตนเข้าไปในบ้านของอากู๋เมื่อปี 2554 เพราะตนคิดว่า
ตอนที่น้ำท่วมจะต้องมีขยะหรือสัตว์เข้าไปอาศัย จึงต้องเข้าไปในบ้านอากู๋ ตนออกข่าวช่องอื่นแล้ว ตนเสียสุขภาพจิตมาก ตนดีใจมากที่ได้มาคุยกับกรรชัย และดีใจที่ได้เจอเจ้าของตัวจริง ตนมาอยู่บ้านหลังนี้ตั้งแต่ปี 2545 และรอมา 21 ปีและรอมาตลอด
ส่วนของที่วางอยู่ในบ้านอากู๋เหมทัศน์นั้น ต้องบอกก่อนว่า ทางออฟฟิศของตนไม่มีสินค้า แต่ของที่เห็นนั้นเป็นของกองงาน ซึ่งเป็นผู้รับเหมาที่บริษัทตนจ้าง เพื่อที่จะเอาไปใช้ในงานของเขา ส่วนเรื่องไฟฟ้านั้น ตนไปขอเจ้านายให้ต่อน้ำต่อไฟเข้าไปในบ้านอากู๋เหมทัศน์ เพราะบ้านหลังนั้นพนักงานใช้เป็นที่กินข้าวอยู่แล้ว
ตนอยากจะบอกว่าอากู๋ไม่ต้องเครียด เราไปคุยกันได้ที่ไหนก็ได้ เพราะจุดประสงค์ของตนคือซื้อบ้านหลังนี้ หรือจะให้ตนได้เช่า และตนจะขอซื้อในราคาที่เหมาะสม ซึ่งปกติบ้านแถวนั้นขายกันอยู่ที่ 1.2 – 1.3 ล้าน (อายแย้งว่า จริง ๆ ขายกันที่ 2.5 – 3 ล้าน) ซึ่งถ้าจะขาย 2.5 ล้านคือบ้านที่ตกแต่งแล้ว
ด้านทนายเดชา ได้บอกว่า ทางซันและอายได้แจ้งข้อหากับ น.ส.ภานุมาศ 3 ข้อหาคือ ร่วมกันบุกรุกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป , ทำให้เสียทรัพย์ ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า , ลักทรัพย์โดนร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ซึ่งทาง น.ส.ภานุมาศ บอกว่า ตนพร้อมที่จะไปรายงานตัวกับตำรวจ และตนจะไม่สูคดีนี้ เพราะตนยอมรับว่าผิดจริง และไปคุยในชั้นศาลมากกว่า
เมื่อถามว่า น.ส.ภานุมาศ จะฟ้องครอบครองปรปักษ์ไหม ทาง น.ส.ภานุมาศ บอกว่า ถ้าตนอยากจะทำ ตนก็ทำได้ แต่ตนไม่ทำ ตนไม่อยากได้ของคนอื่นฟรีๆ ตนอยากจะเอาเงินที่สะสมมาซื้อบ้านหลังนี้เอง ตนไม่คิดจะเอาบ้านคนอื่นมาเป็นของตัวเอง โดยแม้จะใช้ข้อกฎหมายหรืออะไรก็ตาม ตนไม่คิดจะทำ