คุณย่าขอค่าเลี้ยงดูหลาน เดือนละ 1.5 หมื่น ลูกชาย-ลูกสะใภ้บ่นมาตลอด 6 ปี แต่เมื่อรู้เหตุผลตอนแม่จะไป ถึงกับน้ำตาไหล (ตปท.)

เรียกว่าเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป สำหรับหลาย ๆ บ้านที่ให้ปู่ย่าตายายมาอาศัยอยู่ร่วมกัน เพื่อช่วยเลี้ยงหลาน ๆ แต่การที่คนต่างวัยมาอยู่ร่วมกันนั้น ย่อมหนีไม่พ้นที่จะเกิดปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำความเข้าใจกัน ดังเช่นสิ่งที่หญิงจีนรายหนึ่ง เลือกจะทำตอนที่ลูกชายขอให้ไปอยู่กับเขาเพื่อเลี้ยงหลาน ซึ่งแม้สิ่งที่เธอเรียกร้องจะทำให้ลูกชายบ่นว่าเธอเห็นแก่เงิน แต่สุดท้ายกลับต้องซึ้งจนน้ำตาไหลกับสิ่งที่แม่ทำให้

โดยเรื่องนี้มีที่มาจาก เว็บไซต์ต่างประเทศ docnhanh ได้มีการรายงานว่า หญิงแซ่หลิว อายุ 61 ปี เล่าว่า นับตั้งแต่เกษียณเธอก็ย้ายมาอยู่บ้านลูกชาย เพื่อช่วยเลี้ยงหลาน ขณะนี้เวลาก็ผ่านมา 6 ปีแล้ว โดยทุก ๆ เดือนเธอจะได้รับเงินจากสะใภ้ 3,000 หยวน หรือประมาณ 15,000 บาท

ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

ตอนแรกที่เธอเรียกร้องขอเงินจำนวนนี้ ลูกชายถึงกับโทรมาต่อว่าผู้เป็นแม่ว่า แม่ก็แค่มาเลี้ยงหลาน ยังต้องการเงินอีกเหรอ ครอบครัวอื่น ๆ เป็นฝ่ายให้เงินลูกไม่ใช่หรือไง แม่นี่รักเงินมากจริง ๆ นะ ขณะที่ฝั่งลูกสะใภ้ก็บ่นว่า แม่สามีได้รับเงินบำนาญเดือนละ 5,000 หยวน หรือประมาณ 25,000 บาท อยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากให้พวกเขาจ่ายเงินให้อีกทุกเดือน

ทางด้าน นางหลิว เผยว่า เธอหย่ากับอดีตสามีมาหลายปีแล้ว ตอนที่ลูกชายแต่งงานเธอก็ออกค่าสินสอดให้ 128,000 หยวน หรือประมาณ 6.4 แสนบาท ส่วนอดีตสามีก็ช่วยกันออกค่าจัดงานแต่งด้วย เดิมลูกชายกับสะใภ้คุยกันว่า ถ้ามีลูกเมื่อไหร่ก็จะให้แม่ยายมาช่วยดูแลลูก ให้แม่สามีอย่างเธอ ช่วยจ่ายแค่ค่านมทุก ๆ เดือนก็พอ

แต่กลายเป็นว่าสุขภาพของฝั่งพ่อตาไม่ดี แม่ยายต้องไปดูแลสามีสลับกับมาเลี้ยงหลาน กลายเป็นภาระหนักมาก ดังนั้น นางหลิวจึงเสนอที่จะช่วยเหลือ โดยมีเงื่อนไข 3 ข้อ ซึ่งหากสะใภ้ยอมตกลง เธอก็ยินดีมาเลี้ยงหลานให้ มีดังนี้

1. เราจะเคารพกันและกัน ยอมรับนิสัยของอีกฝ่าย ไม่บังคับฝืนใจอะไรกัน

2. เธอรับผิดชอบแค่การเลี้ยงหลาน จนกระทั่งถึงเวลาเข้าเรียนเท่านั้น ลูกชายกับสะใภ้ไม่สามารถหาข้ออ้างอะไรมาบังคับให้เธออยู่ต่อได้

3. ทุกเดือนสะใภ้ ต้องให้เงิน 3,000 หยวน ซึ่งไม่ใช่ค่าครองชีพหรือค่าแรง แต่เป็นเงินสนับสนุนญาติผู้ใหญ่

ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

กลายเป็นว่าคืนนั้น ลูกชายของเธอได้วิดีโอคอลมาหาเธอ บ่นว่าการหาเงินนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ว่าลูกชายจะบ่นยังไง เธอก็ยืนกรานว่าต้องทำตามเงื่อนไขนี้เท่านั้น และเธอยังจะให้ค่านมเด็กแก่เขาเดือนละ 2,000 หยวน หรือ ประมาณ 10,000 บาท ตามเดิม

สุดท้ายสะใภ้เป็นคนตัดสินใจ เธอเห็นด้วยกับเงื่อนไขของแม่ผัว แต่ก็มีข้อเสนอแนะเล็ก ๆ น้อย ๆ อีก 3 ข้อ ประกอบไปด้วย

1. สะใภ้เป็นครู เธอมีช่วงปิดเทอมปีละ 2 ครั้ง ซึ่งตอนนั้น แม่สามีไม่ควรใช้เป็นข้ออ้างกลับบ้านไป เพราะเธอยังสาวและอยากพัฒนาเส้นทางอาชีพอื่น ๆ ต่อ

2. คนหนุ่มสาวกับผู้ใหญ่ย่อมมีมุมมองที่แตกต่างกันมาก หวังว่าแม่สามีจะเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ ไม่บ่นเรื่องข้าวของมากมายที่มาส่งถึงบ้าน

3. เรื่องเงิน 3,000 หยวน สะใภ้ยินดีมอบให้แม่สามี เพื่อแสดงความขอบคุณแม่สามีผู้ทุ่มเทและมีความเข้าใจ

เมื่อทั้งสองฝ่ายยอมตกลง นางหลิวจึงเก็บกระเป๋ามาอยู่บ้านลูกชาย จนกระทั่งในที่สุดเวลาก็ผ่านไปนาน 6 ปี แม้จะมีความขัดแย้งและเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน แต่ก็ยังยึดในข้อตกลงที่ทำกันไว้ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ที่เหลือก็แค่อาศัยความอดทนและเข้าใจกัน เพื่อให้ยอมรับในตัวอีกฝ่าย

จนกระทั่ง หลานชายกำลังจะเข้าเรียน นางหลิวก็คิดว่าจะได้กลับไปใช้ชีวิตของตัวเองสักทีตามข้อตกลงที่ทำกันไว้ เธอจึงบอกกับลูกชายและสะใภ้ว่า ตอนนี้หลานกำลังจะเข้าโรงเรียนแล้ว เพราะฉะนั้น ก็ถึงเวลาที่เธอควรกลับบ้านเกิดไปใช้ชีวิตวัยเกษียณอย่างมีความสุข

จากนั้น นางหลิวก็หยิบบัญชีธนาคารมาให้สะใภ้ พร้อมบอกว่า ในบัญชีนี้มีเงินอยู่ 250,000 หยวน หรือ ประมาณ 1.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่เธอเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้แก่หลานของ เมื่อเห็นเช่นนั้น ลูกสะใภ้ประหลาดใจมาก แต่เธอก็เข้ามากอดแม่สามีทันที และกล่าวคำขอบคุณทั้งน้ำตา

ขณะที่ ลูกชายของนางหลิวก็น้ำตาไหลพร้อมกับกล่าวว่า ไม่ถูกสิแม่ เดือนละ 3,000 หยวน เวลา 6 ปี เงินต้องไม่ได้มากขนาดนี้สิ นั่นทำให้นางหลิวหัวเราะ และแซวลูกชายกลับไป ฝ่ายลูกชายก็หัวเราะและวิ่งมากอดแม่ บอกว่าไม่อยากให้แม่ไปไหน แต่ถึงอย่างนั้นสุดท้ายเขาก็ไม่อาจรั้งผู้เป็นแม่ไว้ได้

ทั้งนี้ นางหลิว เผยว่า เธอมีบ้านและเงินเก็บอยู่แล้ว ตอนมาอยู่บ้านลูกชายก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพราะลูกชายกับสะใภ้เป็นคนซื้ออาหารเข้ามา เธอแค่ช่วยทำอาหาร ส่วนเงิน 3,000 หยวนที่ได้รับจากสะใภ้ เธอจะเก็บเงินใส่บัญชีธนาคารแยกไว้ เพื่อเป็นกองทุนการศึกษาให้กับหลานชาย

ข้อมูล docnhanh