เฉลยแล้ว นมเปรี้ยว ยาคูลท์ กับ บีทาเก้น แตกต่างกันอย่างไร ได้รู้สักที

เรียกว่าเป็นนมเปรี้ยวที่ครองใจคนไทยมานานแสนนานเลยก็ว่าได้ สำหรับผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่ออย่าง ยาคูลท์ และ บีทาเก้น ที่ดื่มแล้วดีต่อสุขภาพ ซึ่งทั้งสองแบรนด์นั้นก็มีความโดดเด่นและรสชาติที่อร่อยไม่แพ้กัน แล้วแต่คนจะชื่นชอบ แต่หลาย ๆ คนเคยสงสัยกันหรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว ยาคูลท์ ต่างจาก บีทาเก้น ยังไง เพราะทั้งคู่เป็นนมเปรี้ยวเหมือนกัน แถมรูปทรงขวดก็คล้าย ๆ กันด้วย

สำหรับความแตกต่างระหว่าง ยาคูลท์ กับ บีทาเก้น นั่นก็คือ สูตรจุลินทรีย์ ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ โดย ยาคูลท์ จะใช้จุลินทรีย์ ที่มีชื่อว่า จุลินทรีย์ แลคโตบาซิลลัส คาเซอิ ชิโรต้า ส่วน บีทาเก้น จะใช้จุลินทรีย์ ที่มีชื่อว่า จุลินทรีย์ โพรไบโอติก

ยาคูลท์

จุลินทรีย์ แลคโตบาซิลลัส คาเซอิ ชิโรต้า 8,000 ล้านตัว ต่อ 80 มล.

เมื่อได้รับจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัสจากยาคูลท์ จะส่งผลให้จำนวนของแบคทีเรียดีภายในลำไส้เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า และลดจำนวนแบคทีเรียที่มีโทษต่อร่างกายลงเหลือเพียง 1 ใน 5 เท่านั้น ซึ่งผลที่ได้รับคือระบบขับถ่ายจะทำงานได้ดีขึ้น เห็นผลชัดเจนทั้งกลุ่มคนที่ท้องเสียและท้องผูก อีกทั้งยังช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย นอกจากนั้น แลคโตบาซิลลัส แอล. คาเซอิ ชิโรต้า นั้นถูกตั้งชื่อตาม ดร.มิโนรุ ชิโรตะ ผู้คิดค้นจุลินทรีย์สายพันธุ์หนึ่งในลำไส้ที่มีประโยชน์กับมนุษย์ได้เป็นคนแรก โดยได้ตั้งชื่อว่า แลคโตบาซิลลัสคาเซอิสายพันธุ์ชิโรต้า

บีทาเก้น

จุลินทรีย์ โพรไบโอติก อย่างน้อย 9,000 ล้านตัว ต่อ 85 มล.

จุลินทรีย์โพรไบโอติกในบีทาเก้นนั้นสามารถทนต่อกรดในกระเพาะอาหารจึงทำให้สามารถมีชีวิตรอดไปยึดเกาะกับผนังลำไส้ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยให้ระบบย่อยและการขับถ่ายของผู้บริโภคดีขึ้น นอกจากนี้แล้วจุลินทรีย์โพรไบโอติกในบีทาเก้นยังสามารถป้องกันและกำจัดแบคทีเรียร้ายในลำไส้ของผู้บริโภคได้อีกด้วย

คุณค่าทางโภชนาการของ ยาคูลท์ และ บีทาเก้น